สวนป่าสิริเจริญวรรษ

ตามหาจนเจอ “สวนป่าสิริเจริญวรรษ” ได้ปั่นแล้วหลงรัก ได้รู้ที่มาแล้วยิ่งซาบซึ้ง รู้สึกนักปั่นจักรยานทุกคนโชคดีมากๆเลย

เป็นครั้งที่สองที่ไปพัทยาตามหาสวนป่าแห่งนี้ ถามเพื่อนเจ้าถิ่นก็ไม่รู้ ถาม google ก็ไม่มีคำตอบ ถามนักปั่นเจ้าถิ่นก็บอกว่าปิดซ่อมแล้วไม่บอกว่าอยู่ตรงไหน ปั่นไปเรื่อยๆ ถามๆก็ไม่มีใครรู้จัก ลองหาจากใน internet อีกครั้งได้ข้อมูลเส้นทางคร่าวๆ แล้วปั่นไปถามหาคนแถวนั้นอีกที โชคดีของครั้งนี้เจอพี่ผู้ชายเจ้าถิ่นแถวอ่างเก็บน้ำช่วยบอกทาง

เห็นทางไกลๆ โน่นไหม ที่รถวิ่งอยู่เส้นนั้นละ ปั่นตามทางนั้นไป เลยทางจักรยานขึ้นไปอีก ตลอดทางไปบรรยายกาศอ่างเป็นน้ำและภูเขาเขียวๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ก็พาเพลิน แค่เส้นทางชาวบ้านใช้กันทุกวันก็ชวนหลงไหลพื้นที่นี้แล้ว ไม่ได้มีเลนจักรยานอะไรพิเศษ มีแค่ความเรียบของผิวถนน เนินให้ปั่นออกแรง และต้นไม้ครึ้มสองข้างทาง บางช่วงเป็นสวนผัก ไร่มันสำปะหลัง ฯลฯ

รู้สึกดีเป็นพิเศษที่เห็นภูเขาเขียวครึ้ม ยังแอบสงสัยเลยว่าที่นี่ดีจัง มีป่าเหลือด้วย ป่ากับเมืองใกล้กัน มีรีสอร์ทมากมายมีสถานที่เที่ยวเยอะมาก แต่ป่าไม่โดนทำลายแบบที่อื่น

Silverlake ที่คนชอบมากปั่น มีเลนจักรยานแยกจากเลนถนนทั้งสองฝั่งไป-กลับ เลยไร่องุ่นทางจักรยานก็สุดเอาดื้อๆแบบนั้น เจอแต่ถนนผิวสีดำ ไม่มีเส้นแบบกั้นเลน ปั่นไปเริ่มครึ้มไปด้วยต้นไม้บรรยากาศดีตรงต่อไปอย่างไม่ลังเล ข้างขวามือมีป้ายเล็กๆใจกลางดงต้นไม้ปักไว้ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาซีโอน อ๋อแบบนี้นี่เองที่เห็นต้นไม้ครึ้มๆ เป็นเขตสัตว์ป่านี่เอง ปั่นตรงไปอีกแทบจะร้อง เย่ๆ หาเจอแล้ว สวนป่าสิริเจริญวรรษ อยู่เลยขึ้นมาจากสุดทางจักรยานแค่ 2 กม.ใกล้กว่าที่คิดนะ

จอดถ่ายรูปกับป้ายบอกทางก็เจอนักปั่นเจ้าถิ่นที่ตั้งใจมาปั่น แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะป้ายเขียนว่า ปิดเส้นทางจักรยานสำหรับเราแล้ว ปิดก็ปิดแต่อยากเจอเจ้าหน้าที่ อยากรู้ว่าจะเปิดวันไหน แล้วปั่นได้ไหม ขอแบบไปดูใกล้ๆ ให้เห็นของจริง นี่ตั้งใจเดินทางมาจาก กทม. นะ มีความทะยานอยากสูงมาก ความกลัวมีศูนย์ ความผิดหวังไม่มี ความมั่นใจเต็มร้อย

ปั่นเข้าไปตรงป้อมยามไม่เจอใคร ปั่นอ้อมโค้งไปอีกทางเจอศาลามีคนนั่งอยู่หลายคน บอกพี่ๆว่าตั้งใจเดินทางจากกทม. มาลองปั่นเส้นทางนี้ เจ้าหน้าที่ปฏิเสธทันทีไม่ให้บอกว่าทางอันตรายกำลังปิดซ่อม เราบอกพี่ๆว่าจะปั่นช้าๆ ค่อยไป ขอมาดูเส้นทาง ตรงไหนอันตรายมากๆ จะไม่ฝืนไป ตรงไหนไม่ไหวจะย้อนทางเดิมกลับมา แล้วพี่ก็บอกปั่นไปตามทางซ้ายมือนะ

ความรู้สึกเวลานั้นมันสุดยอดจริงๆ ไม่เคยเจอทางปั่นเส้นไหนในประเทศสวยแบบนี้เลย ที่ว่าสวยคืออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เหมือนปั่นลงแทร็คในป่า อยู่กลางอุโมงค์ต้นไม้ แต่ทางเรียบแบบเลนจักรยานบนถนน ปกติปั่นในป่าทางจะลุยๆ สมบุกสมบัน นี่ยางล้อเรียบก็ปั่นได้ ว้าว มีเนินให้เล่น โค้งไปโค้งมาทั้งตอนลงตอนขึ้น ใช้ความเร็วมากไม่ได้ มีหลุดโค้งแน่ ดีที่มีตกลงกับพี่เจ้าหน้าที่ก่อนเข้าไป ไม่งั้นคงเทโค้งลงข้างทางตั้งแต่ กม. แรก กว่าจะผ่านไปแต่ละ กม.เมตร ใช้ความระมัดระวังสูงมาก เพราะเจอต้นไม้ล้ม ดินถล่มหลายจุด แต่ดูแล้วไปต่อได้ ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะผ่านไปแต่ละ กม. แอบจิบน้ำเป็นระยะ ต้องใช้แรงขึ้นเนินตลอด แค่ 3 กม. แรก น้ำในกระติกก็เกือบหมดแล้ว ร้านค้า บ้านคน ไม่มี  ที่เห็นมีแค่ต้นไม้กับภูเขา

ทางสวยมากๆ วิวก็สวย กินบรรยากาศแทนน้ำละกัน ปั่นไปถึง กม. 11 เจอนักปั่น 1 คน ทีแรกคิดว่าเจ้าหน้าที่ ที่ไหนได้เจ้าถิ่นแถวนั้นแอบยกข้ามรั้วเข้ามาปั่นเล่นนี่เอง ทางหลักปิดเข้าไม่ได้ อาศัยบ้านอยู่ใกล้ทางปั่นยกข้ามรั้วสูงแค่เอวข้ามมา ปั่นต่ออีกเจอเด็กๆเจ้าถิ่นอีก 4 คน ปั่นย้อนทางขึ้นมา น้องบอกบ้านอยู่แถวนี้ยกข้ามมาเหมือนกัน มาปั่นกันบ่อยๆ ถ้าเปิดใช้จริงต้องระวังเลยนะ ปั่นย้อนทางกันแบบนี้ ตลอดเส้นทาง 18 กม. มีจุดพัก 2 จุด และเจอบ้านคนที่ติดเส้นทางแค่ 1 หลัง ยังชวนให้พี่เขาขายน้ำ น่าจะขายดี แต่เขาบอกว่าต้องดูว่ากรมป่าอนุญาตให้ขายได้ไหม  แล้วถ้าเปิดใช้ เขาคงต้องกั้นพื้นที่ไม่ให้แพะเข้ามาในเส้นทางปั่น ปกติจะปล่อยให้แพะเดินอย่างอิสระ

หิวน้ำก็หิวแต่ไม่มีน้ำ ใครมาปั่นอย่าลืมเตรียมน้ำมาเผื่อนะคะ ทางปั่นไม่เหมาะกับมือใหม่ หรือยังใช้เกียร์ไม่คล่องทรงตัวไม่เก่ง เหมาะสำหรับนักปั่นที่ควบคุมจักรยานได้ดี มีความชำนาญ เจ้าถิ่นบอกว่าช่วงทดลองเส้นทาง 3 เดือน มีนัดปั่นหลุดโค้งไปแล้ว 30 คัน หลายคนก็เจ็บหนักเพราะลงเนินมาอย่างเร็วแล้วหลุดโค้ง ทางที่นี่มีแต่โค้งและเนินขึ้นลงคดไปมาตลอดทาง หาทางตรงๆได้ไม่กี่สิบเมตร ถ้าเปิดใช้อย่างเป็นทางการคนต้องล้นๆ แน่เลย สนุกกว่าสนามปั่นทางเรียบมากๆ ปั่นได้ทั้งวันไม่ต้องกลัวแดดร้อน อยู่ในอุโมงค์ต้นไม้เป็นระยะๆ ยามเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน จอดถ่ายรูปกับวิวข้างทางเพลิน

โดยรวมให้เต็มสิบเลย ทางสวย เรียบ ปั่นสนุก ถ่ายรูปก็เพลิน น่าจะมีจักรยานให้เช่าด้วยนะ ต้องเป็นสถานที่เที่ยวสำหรับปั่นจักรยานที่โด่งดังของประเทศแบบว่ามาพัทยาต้องแวะ จบเส้นทางออกมาขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ คิดว่าจะได้กลับถึงที่พักก่อนฟ้ามืด พี่เล่าที่มาของป่าแห่งนี้ 27 ปีก่อน พ.ศ. 2533 ที่นี่ก็ไม่ต่างจากเขาที่อื่นๆ เป็นเขาหัวโล้นเช่นกันหลักจากได้รับสั่งให้ฟื้นเขาหัวโล้นกลับมาเป็นป่าตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ต้นกล้านับร้อยๆต้นถูกขนใส่เป้ของเจ้าหน้าที่อุทยาน เดินเท้าขึ้นไปขุดหลุมปลูกลงบนเขาทีละต้นๆ เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ชวนหลายองค์กร หลายหน่วยงานมาช่วยกันปลูกป่า บนเนื้อที่เขาหัวโล้น 2,300++ ไร่ เริ่มมีความเขียวเพิ่มขึ้นในอีก 2 ปีต่อมา พื้นที่แห่งนี้ในหลวงตั้งใจมอบความเขียวของป่าให้เป็นของขวัญวันแซยิดแด่พระราชินี จากวันนั้นจนวันนี้พี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานยังต้องดูแลเข้มแบบถวายชีวิตกันคนมาบุกลุกป่า คืนก่อนหน้าที่เรามาปั่นยังมีรถตัดดินแอบเข้ามาขุดดินไปถมที่อยู่เลยพี่เจ้าหน้าบอกนายทุนจ้องเยอะ ถ้าพวกพี่ไม่ดูแลเข้มคงเห็นรีสอร์ทไปหมด และคงต้องซื้อน้ำใช้กัน

เพราะมีป่าถึงมีน้ำ รู้ไหมถ้าที่นี่ไม่เป็นป่าสถานที่เที่ยวแถวนี้ไม่เกิดหรอก จะเอาน้ำที่ไหนมารดสวน รดต้นไม้ เพื่อนที่ทำงานแถวนี้ก็ยืนยันเห็นด้วยว่าน้ำสายนี้แหละที่ไหลมาถึงสวนที่เราทำงาน ที่ทำงานก็เอาน้ำสายนี้แหละมารดต้นไม้น้ำที่ไหลจากก็อกก็น้ำสายนี้แค่เอามาผ่านกรรมวิธีบำบัดเป็นน้ำใช้บริโภค

แบบนี้เองที่เห็นมาตลอดทางว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์น้ำเต็มอ่าง ต้นไม้เขียวครึ้ม มาจากพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9และพระราชินี ที่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย และสถานที่แห่งนี้ได้พัฒนาเป็นทางจักรยานก็เพราะ พระราชดำริของการปลูกป่าต้องให้ประชาชนได้เข้ามาใช้พักผ่อนได้ด้วย โชคดีที่กระแสจักรยานมาแรง ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระองค์ภาฯ ทรงโปรดกีฬาปั่นจักรยานเช่นกัน พวกเรานักปั่นเลยโชคดีได้มีทางจักรยานสวยๆและร่มรื่นแบบนี้ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าพระองค์ภาฯ ก็เข้ามาทดลองปั่น และบางครั้งก็ยังมาซ้อมวิ่งไตรกีฬา พี่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าดีมากนะเพราะเจ้าหน้าที่ทำเส้นทางต้องใส่ใจและดูแลเส้นทางดีมากเป็นพิเศษ ส่วนพวกพี่ก็ทำหน้าที่ปลูกต้นไม้ในใจคนต่อไป

เส้นทางจะเปิดให้ปั่นอย่างเป็นทางการ 29 ก.ค. นะคะ